วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2559

หน้าที่ของ(ผู้คิดสร้างสรรค์) ในฐานะศาสดา



ในหลักคิดที่ว่า เราคือศาสดา ผมหมายถึง ให้เราคิดว่า หน้าที่ของเราในฐานะศาสดา ที่ต้องเป็นผู้คิดสร้างสรรค์ ผลิต และส่งมอบสินค้า บริการ ที่มีคุณค่า ต่อลูกค้าของเรา ต้องคำนึงถึงอยู่เสมอว่า ในฐานะที่เราเป็นศาสดา ซึ่งเป็นผู้ให้ เราต้องให้สิ่งที่ดีและมีคุณค่าต่อลูกค้าของเราเสมอ ทำอย่างไรให้ลูกค้าของเราเกิดความศรัทธา หรือ Belief ต่อตราสินค้าของเรา
ความศรัทธาของลูกค้าจะเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เกิดได้ด้วยอารมณ์เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากกระบวนการคิด กลั่นกรอง บวกลบคูณหาร ด้วยเหตุและผลต่างๆ จนมั่นใจว่า สิ่งที่ลูกค้าจ่ายไปนั้น คุ้มอย่างมากกับ คุณค่าที่ได้รับกลับมา ซึ่งต้องผ่านกระบวนการพิสูจน์จากลูกค้าที่ได้ผลยืนยันอย่างสม่ำเสมอทุกครั้ง จนกลายเป็นความเชื่อถือ และความศรัทธาในที่สุด
ลองนึกถึง  “IPhone” โทรศัพท์ของค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Apple ซึ่งสร้างกระแสฟีเวอร์ครั้งประวัติศาสตร์ให้กับวงการไอที ถึงขนาดประชาชนจากทั่วโลกรอคอยอย่างใจจดใจจ่อเพื่อที่จะได้เป็นเจ้าของ ออกมากี่รุ่นจนถึง IPhone 5 ก็ยังขายดี บางคนใช้รุ่นเก่าเครื่องยังไม่ทันจะพัง ถอยรุ่นใหม่ตามมาทันที
ศรัทธาไม่ใช่สิ่งที่สร้างได้ง่ายๆ ครับ ต้องอาศัยความพยายาม และความอดทน ในฐานะที่ เราเป็นศาสดา การที่เราจะสร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นในใจ ลูกค้า จนกลายเป็น สาวก ของเราได้นั้น ท่านต้องเป็นศาสดาที่มีความแตกต่าง (Different) จากคนอื่น อะไรคือ Signature หรือ สิ่งที่ยืนยันในความเป็นตัวตนของเรา ซึ่งเปรียบเสมือน ลายเซ็น ที่ยากต่อการปลอมแปลงและลอกเลียนแบบ ถึงแม้จะมีคนพยายามเลียนแบบ ทำอย่างไรก็ไม่เหมือนกับลายเซ็นของเรา เพราะสาวกของเรา สามารถแยกแยะได้ถึงความแตกต่าง เช่นเดียวกับ สาวก ของ IPhone ที่แยกความแตกต่างกับ Android ได้อย่างชัดเจน
และเช่นเดียวกัน สาวก  Android ของ Google ก็สามารถแยกแยะความแตกต่างกับ IPhone ได้เช่นกัน
ศาสดา ต้องเป็นผู้หยั่งรู้สภาวะจิตของสาวก ต้องรู้ว่าในใจของสาวกขณะนี้กำลังคิดอะไร กำลังรู้สึกไม่มั่นคงอะไร กำลังลังเลสงสัยอะไร กำลังคาดหวังอะไร  ทั้งนี้เพราะ ศรัทธาย่อมมีวันเสื่อมคลาย  จะทำอย่างไรให้ศรัทธาของสาวกของเรายังคงอยู่ ซึ่งในทางการตลาดเราต้องไม่ละเลยในความรู้สึกของลูกค้าที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกทางบวกหรือลบ ต้องไม่ละเลยความคาดหวังที่มีต่อสินค้า บริการ ซึ่งเราต้องทำวิจัยตลาดอย่างสม่ำเสมอ
ต้องทำให้ลูกค้าที่จงรักภักดี รู้สึกเสมอว่าตนเองเป็น สาวกคนสำคัญ ซึ่งสาวกคนสำคัญเหล่านี้ล่ะ จะเป็นผู้ที่ถ่ายทอดความเชื่อที่มีต่อศาสดา ไปสู่การแสวงหาสาวกใหม่ๆ ให้กับเรา ซึ่งเราต้องทำกิจกรรมการตลาดที่สร้างความจงรักภักดี และจัดกลุ่มของลูกค้า ตามพฤติกรรมการ โดยใช้ฐานข้อมูลลูกค้า เพื่อเลือกปฏิบัติในการให้ข้อเสนอกับลูกค้าแต่ละกลุ่มที่มีความต้องการแตกต่างกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น